Fractional laser for acne scar, stretch marks

Fractional laser for acne scar, stretch marks

Scanxel คือ เลเซอร์ใหม่ล่าสุด ซึ่งใช้เทคโนโลยีการยิงแสงเลเซอร์เป็นจุดเล็กๆ จำนวนมาก ลงไปยังผิวที่ต้องการรักษา หรือที่เรียกว่า laser resurfacing แบบ -Ablative Fractional 


Scanxel คือ เลเซอร์ ประเภท CO2 laser ที่ความยาวช่วงคลื่น 10600 nm จัดเป็น Ablative Fractional Resurfacing Laser ครับ โดยมีหลักการทำงานด้วยเทคนิค Fractional Photothermolysis ( FP) โดยการยิงแสงเป็นลำเล็กๆ จำนวนมาก เพื่อทำให้เกิดแผลเล็กๆ (microinjuries) จำนวนมากที่ผิวหนังเป้าหมาย เช่น รอยหลุม รูขุมขนกว้าง หรือแผลเป็นต่างๆ หลังจากนั้นร่างกายเราก็จะพยายามรักษาตัวเองโดยการสร้างผิวขึ้นมาใหม่ การสมานแผลนั้นก็คือ การสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ หลังทำ ผิวหน้าจึงกระชับขึ้น รูขุมขนเล็กลง รอยหลุมตื้นขึ้น รอยด่างดำ จางลง ริ้วรอยบางๆ ดูตื้นขึ้น

 

 
ความเข้าใจที่ถูกต้องของปัญหาหลุมสิว
หมอขออธิบายคร่าวๆ เรื่องหลุมสิวนะครับ หลุมสิวเกิดจากการมีสิวอักเสบ นานหลายเดือน หรือการอักเสบซ้ำๆ รอยเดิม จนทำให้การอักเสบลงลึกถึงชั้นผิวแท้ ทำให้ผิวมันบุ๋มลงไปมองดูไม่เรียบครับ บางคนเข้าใจว่าปล่อยไว้นานๆ เดี๋ยวหลุมมันก็หายเอง เรื่องจริงไม่ใช่แบบนั้นนะครับ  "หลุมสิว ไม่มีทางหายเองได้ ไม่ว่าจะทาครีม หรือยา" การรักษาหลุมสิวทำได้ด้วยการจี้กรด ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือคลื่นความถึ่วิทยุที่สามารถทำให้เกิดแผลเท่านั้นครับ 

คนไข้หลายท่านมาพบหมอ ด้วยปัญหาสิวทั้งสิวอักเสบ หลุมสิว และรอยดำ ซึ่งแนะนำว่าต้องรับการรักษาทีละเรื่องนะ เช่น ควรรักษาสิวอักเสบก่อน เพราะรักษาง่ายที่สุด เมื่อไม่มีสิวอักเสบแล้ว เราก็ค่อยมาดูเรื่องหลุมสิว แล้วค่อยไปรักษาเรื่องรอยดำครับ ซึ่งขอทำความเข้าใจเลยนะครับว่าการรักษาหลุมสิว รักษายาก ต้องใช้เวลานาน และต้องใจเย็นๆ ครับ แต่รับรองว่าถ้ารักษาต่อเนื่อง หายแน่นอนจ้า !!

การรักษาด้วยเลเซอร์ Scanxel เหมาะกับใคร
- ผู้มีปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็น รอยดำจากสิว
- ผู้มีปัญหารอยแผลเป็นจากการผ่าตัด แผลเป็นคีลอยด์  (keloid )
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหยาบกร้าน ไม่เนียนเรียบ
- สามารถรักษาริ้วรอยแตกลาย
- ผู้มีปัญหาฝ้า จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ความร้อนของเลเซอร์ยังช่วยในเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวตึงกระชับ
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย
- ช่วยลดปัญหารูขุมขนกว้าง

การรักษาด้วยเครื่อง Scanxel ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล
ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการรักษาครับ ในกรณีที่เป็นหลุมสิว หรือริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ต้องการจำนวนครั้งในการรักษามากกว่า โดยส่วนใหญ่ประมาณ 5-8 ครั้งครับ และถ้าเป็นกรณี หลุมสิวลึกๆ แสดงว่าเป็นรอยที่เป็นมานาน และเริ่มมีพังพืดยืดอยู่ ควรทำร่วมกับการตัดหลุมสิว (Subcision)

การรักษาด้วย Scanxel สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังการรักษาตั้งแต่ครั้งแรกครับ ผิวจะดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอีก 4-6 สัปดาห์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้รับการรักษาจะรู้สึกผิวพรรณดีขึ้น มากกว่าเดิมแม้หยุดรักษาไปแล้วก็ตามครับ

ขั้นตอนการรักษาด้วย Scanxel
1. ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
2. ทายาชาลงบริเวณที่จะทำการรักษาทิ้งไว้ 45 -60 นาที
3. เช็ดยาชาและทำความสะอาดใบหน้า
4. แพทย์จะยิงเลเซอร์บนผิวจนทั่วบริเวณที่รักษา 1-3 รอบ จนครบตามขนาดพลังงานที่คำนวณไว้ในการรักษา

ขณะรักษาจะรู้สึกอย่างไร 
ระหว่างรักษาจะรู้สึกแสบเล็กน้อย เนื่องจากยังมีฤิทธิ์ของยาชาอยู่ แต่เมื่อฤิทธิ์ยาหมดจะรู้สึกแสบบริเวณผิวที่รักษา สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้ครับ

หลังทำ Scanxel จะรู้สึกอย่างไร
หลังการรักษาอาจจะมีอาการแดงเรื่อๆ ทั่วใบหน้า และ/หรือมีความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณที่ทำครับ  ดังนั้นจึงควรทาครีมลดรอยแดง หรือโลชั่นลดการอักเสบ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว หลังการทำวันที่ 3-4 อาจจะพบสะเก็ดเล็กๆ ติดที่ใบหน้า หรือผิวหน้าอาจจะรู้สึกสากๆ เล็กน้อย แต่ประมาณ 10 วัน ผิวหน้าก็จะลอกออกหมด จะเห็นความแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำครับ

Scanxel ต้องทำบ่อยขนาดไหน 
จำนวนครั้งของการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคลสำหรับการดูแลเรื่องแผลเป็นหลุมสิว ควรทำอย่างน้อย 5-10 ครั้ง ห่างกันทุก 3- 4 สัปดาห์ 

หลังทำ Scanxel จะเห็นผลเมื่อไร
หลังการรักษาครั้งแรกพบว่าได้ผลดีขึ้นประมาณร้อยละ 30 แต่จะเห็นผลชัดเจนภายหลังรักษา 3 เดือน หรือพบว่าหลังทำการรักษาประมาณ 5-10 ครั้ง พบว่าผลการรักษาจะได้ผลมากกว่า 60-80% ผลการรักษาจะคงอยู่ตราบเท่าที่คนไข้เอาใจใส่ดูแลผิวพรรณอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

การดูแลผิวหลังการรักษาด้วย Scanxel
1. งดทำความสะอาดผิวบริเวณที่ทำการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง
2. ดูแลผิวและแต่งหน้าได้ตามปกติหลังจาก 24 ชั่วโมงหลังการรักษา
3. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อผิวเช่นกรดผลไม้หรือยาละลายหัวสิวในช่วง 3 วันแรกหลังจากการรักษา
4. หลีกเลี่ยงแสดงแดดจัดหรือกิจกรรมกลางแจ้ง 1-2 สัปดาห์หลังจากการรักษา
5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนจัด เช่นการอบไอน้ำหรือเซาว์น่าในช่วง 3 วันแรกหลังจากการรักษา
6. หลีกเลี่ยงการนวด การขัด หรือการใช้ยา ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่ทำการรักษา
7. หากมีอาการบวมแดง หรือผื่นขึ้นบริเวณที่ทำการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาทันที
8. หากมีสะเก็ดเกิดขึ้น ไม่ควรแกะหรือเกา ควรปล่อยให้หลุดลอกเองตามธรรมชาติ
9. ทาหรือนวดเบาๆด้วยครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดอ่อนโยนเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกเร็วขึ้น
10. ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดค่า SPF50 ขึ้นไป




Powered by MakeWebEasy.com