เซลล์บำบัดกับการฟื้นฟูผิวให้อ่อนเยาว์ (Stem cell therapy)

เซลล์บำบัดกับการฟื้นฟูผิวให้อ่อนเยาว์ (Stem cell therapy)

เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) คือการใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ คอยซ่อมแซมความเสื่อมของร่างกาย ปกติคนเราจะมีเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) ที่ช่วยซ่อมแซมภายในร่างกายอยู่แล้ว แต่การซ่อมแซมนั้นอาจไม่สมบูรณ์เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดมีจำนวนลดลงเมื่ออายุมากขึ้น เพราะฉะนั้นการเพิ่มปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดใหม่ที่มีคุณภาพสูงและสด ที่ยังมีชีวิตอยู่ (Live Stem Cell) ให้กับผิวหน้าก็จะช่วยให้เซลล์เหมือนเซลล์ผิวเด็ก ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ดูอ่อนกว่าวัย ลดริ้วรอย ความหมองคล้ำ เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้นปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดและคอลลาเจนจะลดลง เม็ดสีส่วนเกินถูกขจัดได้ช้าลง ผิวหนังบางลงและแพ้ง่าย นำไปสู่ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ฝ้า กระ สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เรากำลังเข้าสู่ความชรา ซึ่งเชื่อว่าปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดที่ลดลงดังกล่าวเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาเหล่านี้ 



Stem Cell Therapy บำรุงรักษาเซลล์ที่ไม่แข็งแรงและเสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรง นอกจากนี้ ยังสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนเซลล์เก่า เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ Stem Cell Therapy ได้ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นครั้งแรกที่ประเทศ Switzerland ในปี ค.ศ. 1931 โดยศาตราจารย์ Paul Niehans ศัลยแพทย์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งนำน้ำที่ได้จากการบดเซลล์ต่อมพาราไทรอยด์จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฉีดเข้าผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง เนื่องจากผู้ป่วยถูกตัดต่อมพาราไทรอยด์โดยบังเอิญ ปรากฏว่าผู้ป่วยหายจากโรคชักเกร็งได้ และไม่มีการแพ้ใด ๆ และจากการติดตามผู้ป่วยต่อไปอีก 25 ปี เขาเรียกการรักษาชนิดนี้ว่า “Live Cell Therapy” หลังจากนั้นแพทย์หลายต่อหลายท่านในยุโรป โดยเฉพาะแพทย์ชาวเยอรมันก็ได้พัฒนา Live Cell Therapy หรือ การปลูกถ่ายเซลล์สดจนแพร่หลาย และยังมีการค้นพบว่าน้ำที่ได้จากการบดเซลล์หนึ่งจะไปซ่อมแซมเซลล์ชนิดเดียวกัน เช่น เซลล์ตับก็จะไปซ่อมแซมที่ตับ ทฤษฎีนี้เรียกว่า Cell Heals Cell กลายเป็นที่ฮือฮากันอย่างมากในหมู่บุคคลชั้นสูง (เนื่องจากค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง) เชื่อว่าการรักษาด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีในการดูแลรักษา โดยการใช้กลุ่มเนื้อเยื่อดีมาสร้างและปรับปรุงเซลล์ให้มีการทำงานที่ดีขึ้น ช่วยซ่อมแซมในส่วนที่อ่อนแอหรือเนื้อเยื่อที่สึกหรอเพื่อให้ร่างกายมีชีวิตชีวามากขึ้น ทั้งนี้ Paul Niehans ศัลยแพทย์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ได้ริเริ่มนำ Live Cell Therapy มาใช้เพื่อฟื้นฟูความงามและความอ่อนเยาว์ให้แก่บุคคลชั้นสูงในทวีปยุโรป ผลการรักษานี้เองก่อให้เกิดกระแสนิยมในหมู่บุคคลชั้นสูงและมหาเศรษฐีจากทั่วโลก ที่จะต้องบินไปรับบริการจากคลินิกระดับไฮคลาสในสวิตเซอร์แลนด์ ในอัตราค่ารักษารวมนับล้านบาท เพื่อที่จะได้กลับมามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์อีกครั้ง

เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) มีอยู่ 2 แบบ คือ
1. Embryonic Stem Cell (เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน) เซลล์ตัวอ่อนตั้งแต่ปฏิสนธิ
2. Adult Stem Cell (เซลล์ต้นกำเนิดโตเต็มวัย) เซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อที่โตเต็มวัย เช่น ไขกระดูก เลือด เลือดจากสายสะดือทารก รก ฟันน้ำนม เนื้อเยื่อไขมัน เป็นต้น
เซลล์ต้นกำเนิดที่นำมาใช้เสริมความงามและช่วยเสริมความอ่อนเยาว์ ย้อนวัยหนุ่มสาว จะใช้เซลล์ต้นกำเนิดที่เรียกว่า มิเซนไคยมอล สเต็มเซลล์ (Mesenchymal stem cells –MSC) ซึ่งเป็น Adult Stem Cell

เซลล์ต้นกำเนิดจากเซลล์ตัวอ่อน กับตัวเต็มวัยต่างกันอย่างไร

เซลล์เด็กยังไม่โตทำหน้าที่หลัก ๆ คือ แบ่งตัวเพื่อขยายขนาด และเพิ่มจำนวน ทำให้ร่างกายแต่ละส่วนโตขึ้น ส่วนเซลล์เต็มวัย จะไม่ทำหน้าที่แบ่งตัว แต่จะหันมาซ่อมแซมเซลล์ที่อักเสบ บาดเจ็บ หรือเสียหาย ให้กลับมาทำงานปกติ จำกัดความง่าย ๆ ก็คือ
1. เซลล์ตัวอ่อน สามารถพัฒนาไปเป็นอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้
2. เซลล์โตเต็มวัย  ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยะต่าง ๆ ได้ แต่เน้นรักษาฟื้นฟูเซลล์ที่บาดเจ็บ เสียหาย

คุณสมบัติของเซลล์ต้นกำเนิด
- แบ่งตัวเพิ่มจำนวน เพื่อทดแทนเซลล์ที่หมดสภาพ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
- แบ่งตัวแล้วยังคงรักษาคุณสมบัติเดิมได้
- เปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้ถ้าจำเป็น

 



ทำไม Mesenchymal Stem Cells (MSC) จึงช่วยให้หน้าอ่อนวัย
MSC เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีคุณสมบัติ ที่สามารถนำไปใช้กับผู้อื่นได้โดยไม่เกิดการต่อต้านของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของผู้รับ เรียกว่า Universal donor ดังนั้น จึงนำมาใช้ในการรักษาเซลล์บำบัด (Cell Therapy) อย่างกว้างขวาง คุณสมบัติพิเศษประการหนึ่งของ MSC คือ ความสามารถเดินทางไปยังแหล่งที่มีการอักเสบและสร้างสารชีวภาพที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ต้านการอักเสบ และปรับสมดุลภูมิต้านทานของร่างกาย

Mesenchymal Stem Cells (MSC) ในด้านผิวพรรณนี้มีคุณสมบัติเป็นเซลล์ต้นกำเนิดในการสร้าง Connective Tissue ช่วยสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงการสร้างหลอดเลือดและเนื้อเยื่อไขมัน กระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวได้รับสารอาหารมากขึ้น ผิวจึงมีความยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล เปล่งประกาย

ทรีทเมนต์เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell treatment) ต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อให้เห็นสภาพปัญหาผิวพรรณจริงและวิเคราะห์ปัญหาด้านผิวพรรณในเชิงลึกเพื่อกำหนดจำนวนเซลล์ (หน่วย: ล้านเซลล์) ที่จะใช้สำหรับแต่ละบุคคล เพราะขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการรักษา อาจเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาโดยใช้การรักษาแบบอื่นร่วมด้วย 

Stem Cell Treatment เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป และมีสภาพผิวที่อ่อนแอ ผ่านการทำทรีตเมนต์ หรือการรักษามาหลายอย่างแล้วไม่ได้ผล ผลของ Stem Cell จะเข้าไปฟื้นฟูผิวลงลึกถึงระดับเซลล์ (Cellular Level) ทำให้ผิวแข็งแรงและทำให้ตอบสนองต่อการรักษาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
·  เพื่อชะลออายุผิว ผิวจึงดูอ่อนเยาว์
·  ฟื้นฟูผิว ริ้วรอยตื้น ๆ จะจางลง
·  คืนความชุ่มชื้น
·  คืนความกระชับ และความเต่งตึงให้กับผิว
·  พบว่าในบางราย ฝ้าสามารถจางลงได้
·  เห็นผลประมาณ 2-3 เดือน
·  ใช้เวลา 30 นาที
·  ควรรับบริการทุก ๆ 6 เดือน – 1 ปี

การเตรียมตัว
- ต้องแจ้งประวัติการแพ้ยา และแจ้งด้วยว่าปัจจุบันรับประทานอาหารเสริมอะไรอยู่หรือไม่
- แจ้งโรคประจำตัวก่อนเข้ารับการรักษา เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบ โรคหัวใจ
- งดแอสไพริน ไอบิวโพรเฟน และวิตามินอี ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนเข้ารับการรักษา
- งดสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังการรักษา 2 สัปดาห์

แต่ทั้งนี้แพทย์สภาในประเทศไทยยังไม่อนุมัติให้นำเซลล์ต้นกำเนิดมาใช้รักษากันอย่างถูกต้อง ข้อมูลดังที่กล่าวจึงเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการทางการแพทย์ในต่างประเทศว่าเป็นแพทย์ทางเลือกเท่านั้น ดังนั้น ถ้าท่านที่สนใจคงต้องลองพิจารณากันอย่างถี่ถ้วน^^ 
 

Powered by MakeWebEasy.com